วันอังคารที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

รวมคำถามที่พบบ่อย กับโรคปากและเท้าเปื่อย (foot-and-mouth disease, FMD)


คืออะไร ?โรคปากและเท้าเปื่อย (foot-and-mouth disease, FMD) เป็นโรคติดต่อเฉียบพลัน ทำให้เกิดไข้สูง และเม็ดตุ่มน้ำใสพุพองที่ช่องปากและไรกีบเท้า โรคนี้มีสาเหตุจากเชื้อไวรัสซึ่งแบ่งได้เป็น 7 ชนิด แต่จะตรวจได้โดยอาศัยห้องปฏิบัติการเท่านั้น
ติดต่ออย่างไร ?พบเชื้อไวรัสปริมาณมากในน้ำจากเม็ดตุ่มน้ำใส น้ำลาย มูลสัตว์ การปนเปื้อนกับสิ่งคัดหลั่งเหล่านี้เป็นอันตรายต่อสัตว์เลี้ยง สัตว์เป็นโรคจะขับไวรัสได้แก่นที่จะพบอาการป่วย
การกระจายไปทางอากาศในระยะทางไกลสามารถเกิดขึ้นได้ในภูมิอากาศที่เอื้ออำนวย แต่ในประเทศไทยซึ่งอยู่ในเขตศูนย์สูตร มีอากาศร้อนอบอ้าว การแพร่กระจายวิธีนี้มีความสำคัญน้อยเมื่อเปรียบเทียบกับการแพร่กระจายโดยการปนเปื้อนพาหะ
สัตว์จะรับเชื้อไวรัสโดยการสัมผัสโดยตรงกับสิ่งปนเปื้อน หรือสัมผัสกับส่วนของซากสัตว์ติดเชื้อ
โรคแพร่กระจายออกไปโดยการเคลื่อนย้ายสัตว์ บุคคล ยานพาหนะ หรือสิ่งใดก็ตามที่สัมผัสเชื้อไวรัส การปนเปื้อนจะผ่านลงสู่แหล่งกระจายโรค เช่น ถนน ทำเลสาธารณะ ฯลฯ ซึ่งจะทำให้โรคแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว
รองเท้าบูท เสื้อผ้า มือ ของผู้เลี้ยง สุนัข แมว เป็ดไก่ หนู ที่สัมผัสแหล่งปนเปื้อนจะสามารถนำพาเชื้อไวรัสไปได้
ประเทศใดมีโรค ?FMD มีอยู่ในเอเซียบางประเทศ รวมทั้งประเทศไทย อัฟริกา อเมริกาใต้ และระบาดเป็นครั้งคราวในประเทศที่ปลอดโรคแล้ว
คนติดโรคไหม ?โดยปกติแล้วคนไม่ติดโรคนี้ โรคนี้ไม่มีผลกระทบต่อห่วงโซ่อาหารของมนุษย์ มีโรคในคนที่เรียกว่า โรค มือ ปาก เท้า จะไม่มีความเกี่ยวข้องกัน และจะไม่เป็นในสัตว์
สัตว์ชนิดใดเป็นโรค ?โค กระบือ แพะ แก สุกร ไวต่อโรคนี้ สัตว์ป่าที่มีกีบเท้าคู่ และช้าง สามารถป่วยเป็นโรคนี้ได้
 Topอาการเป็นอย่างไร ?ตุ่มน้ำใสพุพองในช่องปาก และไรกีบ เป็นอาการหลัก แต่จะมีความแตกต่างกันในสัตว์แต่ละชนิด
โค กระบือ ไข้ ซึม ไม่กินอาหาร น้ำนมลด ขากะเผลก ไม่รวมฝูง น้ำลายไหลยืดเป็นฟอง
แพะ แกะ ไข้ ขากะเผลก ไม่ลุกยืน มักไม่ค่อยเห็นอาการที่ช่องปาก
สุกร ไข้ ซึม ไม่กินอาหาร ขากะเผลก เห็นตุ่มน้ำใสพุพองที่ปลายจมูกและลิ้น
เชื้อไวรัสมีกี่ชนิด ?มี 7 ชนิดหลัก ได้แก่ O, A, C, SAT1, SAT2, SAT3 และ Asia1 แต่ละชนิดยังแบ่งเป็นชนิดย่อยได้อีก ระยะฟักตัวโดยเฉลี่ย 3-8 วัน สัตว์ที่ป่วยเป็นโรคด้วยเชื้อชนิดใด จะมีภูมิคุ้มกันโรคเฉพาะเชื้อชนิดนั้นไม่มีภูมิคุ้มกันต่อเชื้อชนิดอื่น จึงสามารถป่วยซ้ำได้อีกถ้าเป็นเชื้อต่างชนิดกันในครั้งหลัง
ทำลายเชื้อได้อย่างไร ?เชื้อถูกทำลายได้ด้วยแสงแดด ความร้อน สภาพแห้ง ยาฆ่าเชื้อ แต่เชื้อจะมีฤทธิ์ได้ในสภาพที่เหมาะสม เช่น เนื้อจากซากสัตว์เป็นโรคแช่แข็ง วัตถุที่แปดเปื้อน ความเย็นและมืด สภาพเหล่านี้สามารถทำให้เชื้อมีชีวิตอยู่ได้เป็นเวลานาน
โรคนี้ทำให้เกิดผลอย่างไร ?โดยปกติ FMDไม่ทำให้เจ็บป่วยถึงตาย ยกเว้นในลูกสัตว์ขนาดเล็ก
ผลกระทบของโรคนี้มีความรุนแรง โดยจะทำให้สัตว์ป่วยไม่คืนสภาพปกติเป็นเวลานาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในโคนมจะทำให้น้ำนมลด
รักษาได้ไหม ?ไม่มีการรักษาโรคนี้ยกเว้นการรักษาตามอาการเพื่อป้องกันโรคแทรกซ้อน สัตว์ป่วยจะกลับหายเป็นปกติในเวลา 2-3 สัปดาห์
ควบคุมโรคได้อย่างไร ?วิธีควบคุมโรคที่มีประสิทธิภาพที่สุดคือทำลายสัตว์ที่ป่วยเป็นโรค และสัตว์ที่ได้สัมผัสโรคแล้ว ห้ามการเคลื่อนย้ายสัตว์ออกนอกเขตติดเชื้อ นอกจากนั้นอาจใช้การฉีดวัคซีนเพื่อปิดล้อมอุบัติการ จะช่วยให้โรคจางหายไป หากไม่สามารถทำลายสัตว์ได้ก็จะต้องใช้วิธีการกักขัง แยก ย้ายสัตว์ป่วย เพื่อป้องกันการสัมผัสกับตัวอื่น

เกษตรกรป้องกันโรคได้อย่างไร ?วิธีที่ดีที่สุดคือป้องกันการนำโรคมาสู่สัตว์เลี้ยงของตนเอง โดยการควบคุมการเคลื่อนย้ายสัตว์ บุคคล สิ่งของที่จะเข้ามาในฟาร์มตนเอง ล้างฆ่าเชื้ออย่างเข้มงวด
เมื่อจะนำสิ่งใด (คน สัตว์ สิ่งของ) เข้าสู่ฟาร์มให้นึกเสียว่าโลกภายนอก "ติดเชื้อ" และฟาร์มของเรา "สะอาด"
วิธีอื่น ๆ ได้แก่การฉีดวัคซีนป้องกันโรคให้แก่สัตว์เลี้ยง โดยเฉลี่ย 6 เดือนครั้ง โรยปูนขาว
ใช้ยาฆ่าเชื้ออย่างไร ?1. ต้องเป็นยาฆ่าเชื้อที่ออกฤทธิ์ต่อ FMD
2. ต้องเป็นยาฆ่าเชื้อที่มีทะเบียนยา
3. ไม่ผสมยาฆ่าเชื้อหลายชนิดเข้าด้วยกัน
4. ชำระล้างสิ่งที่จะฆ่าเชื้อให้สะอาดเสียก่อน
5. เตรียมยาฆ่าเชื้อให้มีความเข้มข้นถูกต้องตามฉลากยา
ล้างรถทุกวันพอไหม ?การฉีดพ่นล้างรถจะชะล้างสิ่งสกปรกออกแต่ไม่ได้ฆ่าเชื้อไวรัส นอกจากนั้นเชื้อโรคจะถูกชะล้างตามน้ำล้างไปสู่บริเวณข้างเคียง
จุดไหนในฟาร์มที่ต้องระวัง ?ไวรัสอยู่รอดในสภาพแวดล้อมได้ดี โดยเฉพาะในบริเวณที่มีมูลสัตว์และน้ำล้างจากคอกสัตว์ และจะมีฤทธิ์อยู่ได้นานหลายเดือน ไวรัสจะกระจายโดยการปนเปื้อนหญ้า ฟาง และแปลงหญ้าได้เป็นเวลานาน
สัตว์ป่วยแพร่เชื้อได้นานแค่ไหน ?สัตว์ป่วยจะขับเชื้อไวรัสออกตามสิ่งคัดหลั่งในร่างกาย ในระยะที่สัตว์ป่วยแสดงอาการนี้จะทำให้สัตว์อื่นติดโรคได้ง่ายที่สุด หลังจากนั้นร่างกายสัตว์จะเริ่มสร้างภูมิคุ้มกันโรคและสัตว์จะสร้างไวรัสได้น้อยลงไม่เพียงพอต่อการก่อโรค
สัตว์นำโรคมีความสำคัญอย่างไร ?สัตว์นำโรค (carrier) คือสัตว์ป่วยที่สามารถตรวจพบไวรัสในตัวได้ที่ระยะเวลาเกินกว่า 28 วันหลังพบโรค ในวัวเคยพบนานถึง 3 ปี ในแกะเคยพบนานถึง 9 เดือน
วัคซีนใช้ได้ผลไหม ถ้าไม่ได้ฉีดทุกตัว ?ในการใช้วัคซีนป้องกันโรค FMD จะต้องฉีดวัคซีนให้ได้อย่างน้อย 80-85 % ของจำนวนสัตว์ทั้งหมด
สัตว์ที่ฉีดวัคซีนแล้วนำโรคได้ไหม ?วัคซีน FMD เป็นวัคซีนชนิดเชื้อตายจึงไม่ทำให้สัตว์เป็น carrier แต่วัคซีน FMD ไม่ได้ป้องกันการติดเชื้อ หากสัตว์ฉีดวัคซีนแล้วได้รับเชื้อ อาจพบเชื้อได้จากช่องคอหอย ซึ่งทำให้สามารถขับเชื้อไวรัสให้สัตว์ตัวอื่นได้ในระยะเวลาไม่กี่วันหลังจากติดเชื้อ
สัตว์ที่ฉีดวัคซีนอาจเป็น carrier ได้ในระยะเวลานาน แต่ยังไม่พบว่าสัตว์ฉีดวัคซีนที่เป็น carrier จะสามารถขับเชื้อให้ตัวอื่น
 Top
วัคซีนคืออะไร ใช้อย่างไร ?วัคซีน FMD เป็นวัคซีนเชื้อตาย กรมปศุสัตว์ได้ผลิตวัคซีน 2 ชนิด
1. วัคซีนสำหรับ โค กระบือ แพะ แกะ (กองผลิตชีวภัณฑ์, 2543)
เป็นวัคซีนเชื้อตายชนิดน้ำ (aqueous vaccine) ชนิดรวม 3 ไทป์ โอ เอ และเอเซียวัน ผลิตจากเชื้อไวรัสโรคปากและเท้าเปื่อย ซึ่งเตรียมจากเซลเพาะเลี้ยง ทำให้เข้มข้นและบริสุทธิ์ และทำให้หมดฤทธิ์ ด้วยสาร Binary Ethylene Imine (BEI)
วิธีใช้ฉีดปีละ 2 ครั้ง ห่างกัน 6 เดือน หรือ ฉีดวัคซีนครั้งแรก ตั้งแต่อายุ 4–6 เดือน ฉีดครั้งที่สอง หลังฉีดครั้งแรก 3–4 สัปดาห์
ขนาดฉีด ตัวละ 2 มล. เข้าใต้ผิวหนัง
ความคุ้มโรคสัตว์จะมีความคุ้มโรคหลังฉีด 3-4 สัปดาห์ และมีความคุ้มโรคอยู่ได้นาน 6 เดือน
ขนาดบรรจุขวดละ 150 มล. (75 โดส)
* วัคซีนสำหรับโค กระบือ แพะ แกะ เป็นวัคซีนที่รัฐผลิตให้เกษตรกรใช้โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย โปรดติดต่อรับบริการได้ที่สำนักงานปศุสัตว์อำเภอและจังหวัดใกล้บ้านท่าน
2. วัคซีนสำหรับสุกร (กองผลิตชีวภัณฑ์, 2543)
เป็นวัคซีนเชื้อตายชนิดน้ำมัน ชนิดรวม 3 ไทป์ โอ เอ และเอเซียวัน ผลิตจากเชื้อไวรัสโรคปากและเท้าเปื่อย ซึ่งเตรียมจากเซลเพาะเลี้ยง ทำให้เข้มข้นและบริสุทธิ์ และทำให้หมดฤทธิ์ ด้วยสาร Binary Ethylene Imine (BEI)
วิธีใช้ ฉีดตามระยะการผลิต สุกรขุน ฉีดตั้งแต่อายุ 8 สัปดาห์ (ครั้งแรก 8 สัปดาห์ และ ครั้งที่สอง 10–12 สัปดาห์) ส่วนสุกรพ่อแม่พันธุ์ ฉีดปีละ 2–3 ครั้ง ก่อนผสมพันธุ์
ขนาดฉีด ตัวละ 2 มล. เข้ากล้ามเนื้อ
ความคุ้มโรคสัตว์จะมีความคุ้มโรคหลังฉีด 3-4 สัปดาห์ และมีความคุ้มโรคอยู่ได้นาน 6 เดือน
ขนาดบรรจุขวดละ 150 มล. (75 โดส)
ส่วนวัคซีนสุกรรัฐผลิตออกจำหน่ายให้เกษตรกรในราคา ขวดละ 1,125 บาท (ฉีดได้ 75 ตัว)
โปรดติดต่อขอซื้อได้ที่สำนักงานปศุสัตว์อำเภอและจังหวัดใกล้บ้านท่าน.
วัคซีนทำให้เชื้อกลายพันธุ์ได้หรือไม่ ?วัคซีนเชื้อตายไม่ทำให้เชื้อกลายพันธุ์ หรือทำให้สัตว์เป็นโรค แต่หากสัตว์เป็นโรคภายหลังจากฉีดวัคซีนเป็นกรณีวัคซีนไม่ได้ผลไม่สามารถสร้างภูมิคุ้มกันโรคได้เพียงพอ
ค่าบริการสัตว์ป่วยเท่าไร ?เมื่อเกิดโรคขึ้นกับสัตว์เลี้ยงของเกษตรกร ทางรัฐจะดำเนินการควบคุมโรคไม่ให้แพร่ระบาด โดยเป็นบริการที่ไม่คิดค่าใช้จ่ายใด ๆ

ขอขอบคุณ :กรมปศุสัตว์ภาคใต้ สำหรับข้อมูลดีดี ครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น